วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เย็นวันที่ 22 ธันวาคม 59 เข้าสู่เชียงใหม่

บทที่ 1.3 เดินเท้าในดอยอ่างขาง

      พนักงานขับรถสองแถวสีขาวพาผมและภรรยามาส่งที่ธรรมชาติรีสอร์ท ติดกับสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง มีพนักงานของรีสอร์ทออกมาต้อนรับ เรารีบเข้าไปเช็คอินทันทีจากการจองและจ่ายเงินทางอินเตอร์เน็ตไว้แล้ว ก่อนรถสองแถวจะไปได้ทิ้งเบอร์รถเช่าเอาไว้ราคา 1200 บาท เพื่อเที่ยวข้างบนทั้งหมด และส่งกลับไปยังวัดหาดสำราญ
พนักงานต้อนรับบนเคาท์เตอร์
สิ่งแรกที่เห็นก็คือเจ้าแมวน้อยตัวนี้นี้นั่งอยู่บนเคาท์เตอร์ พนักงานพยายามจะอุ้มมันลงไป ผมบอกว่าไม่ต้อง ๆ เอาไว้อย่างนี้แล้วกดถ่ายรูปเจ้าแมวน้อยตัวนี้ซะ
ได้สอบถามจากพนักงานรีสอร์ทเรื่องรถ ถ้าเช่ารถที่รีสอร์ทเพื่อเที่ยวข้างบน ไร่ชา2000 ฐานปฏิบัติการบ้านนอแล บ้านนอแล ไร่สตอเบอร์รี่ ราคา 700 บาท ถ้าต้องการรถไปส่งข้างล่าง
การเช็คอินไม่ยุ่งยากอะไรข้อมูลมีจากการจองแล้ว กรอกแบบฟอร์มเล็กน้อย ได้รับกุญแจไปห้องพักได้เลย เนื่องจากรีสอร์ทนี้มีลักษณะเป็นเนินเขาเล็ก ๆ ทางไปห้องพักมีลักษณะชัน ทางเทปูนเดินสะดวกแต่ คนแก่เดินหอบแฮก ๆ (เหนื่อย) พนักงานเอากระเป๋าเดินทางใส่รถบริการนำส่งไปยังห้องพัก ถึงห้องพักเราก็รีบ ๆ วางของแล้วเตรียมตัวออกเดินไปเที่ยวสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง

ต้นท้อเริ่มออกดอกนิด ๆ ดูสวยงาม

 ซากุระ ที่บานไปช่วงแรก ๆ
 ลูกท้อที่เริ่มจะมีให้ดูบ้างประปราย
 เส้นทางอันยาวไกล บนดอยอ่างขาง
 เจ็บป่วยมีรพ.สต.บริการนะครับ
 มุมมหาชน

 ต้นท้อ มองดูแล้วรู้สึกขลัง ๆ
 ที่พักก็มีหลากหลายลองติดต่อดูกันนะครับ



เหนื่อยนัก พักหน่อยก็ดีสองคนตายาย

บทที่ 1.2 ถึงเชียงใหม่ มุ่งสู่ดอยอ่างขาง


6.20 น. เครื่องทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าตรงเวลา
ก่อนเครื่องออกซะหน่อย

 7.24 น. กัปตันประกาศว่าทัศนวิสัยไม่ดี ขอบินวน 30 นาที มองออกไปนอกหน้าต่างเห็นหมอกขาวเต็มเมืองเชียงใหม่ เราคิดในใจทำมัยลงไม่ได้ว๊ะทีในหนังมันยังบินผ่านทะลุหมอก เมฆ ลงจอดได้อย่างปลอดภัย 10 นาทีแล้วที่เครื่องบินวนไม่รู้ว่าผ่านจังหวัดไหนบ้างแต่รู้ว่ามันบินเป็นวงกว้างมาก เห็นเครื่องบินอีกลำบินห่างเราไปไกลลิบคงจะรอเอาเครื่องลงเหมือนกันตอนนี้ทำใจไปก่อนภาวนาให้หมอกจางหายไปเร็ว ๆ
พระอาทิตย์ยามเช้าเมือมองจากเครื่องบิน
8.30 น. เครื่องลงสู่สนามบินเชียงใหม่เรียบร้อย ลงจากเครื่องอย่างแรกที่ต้องทำคือเข้าห้องน้ำก่อนเดี๋ยวเดินทางอีกไกล เดินออกจากสนามบินเห็นมีบริการรถเช่าเต็มไปหมด รวมทั้งแท็กซี่เห็นป้ายอยู่ไกล ๆ ว่า Down Town 160 บาท ไม่เอา ๆ เดินออกอีกประตูหนึ่งผู้คนพลุกพล่านมากมีทั้งคนมารับมาส่งที่สนามบินเอางัยเนี่ย งั้นเดินไปหาแท็กซี่ก็ได้ 160 บาทก็เอา แต่ระหว่างทางมีรถสองแถวสีแดงมาจอดใกล้ ๆ เลยลองถามดูว่าไปขนส่งช้างเผือกไหม ป้าคนขับรถบอกว่าไปเรารีบกระโดดขึ้นรถทันทีพร้อมกับเจ้าหน้าที่สนามบินเดินมาไล่ไม่ให้จอดเราต้องรีบลากกระเป๋าขึ้นรถอย่างทุกลักทุเล(คิดดูทั้งสองคนเริ่มมีปัญหาเรื่องหัวเข่า) ป้าขับรถยังไม่ทันออกจากสนามบินก็จอดถามนักท่องเที่ยววัยรุ่นอีกสามคนเห็นเจรจากันอยู่พักใหญ่ทั้งสามคนก็ขึ้นรถพร้อมกัน ระหว่างนั่งรถก็สอบถามกันว่าจะไปไหนน้องทั้งสามคนก็บอกว่าจะไปแม่กำปอง มาจากระยองเหมือนกัน เที่ยวบินเดียวกัน รถออกไปได้สักครู่ป้าคนขับรถก็จอดแล้วให้เราขึ้นรถสองแถวสีแดงอีกคันหนึ่งคนขับคือลุงอี๊ด ลุงอี๊ดไปส่งเราที่ขนส่งช้างเผือกด้วยราคาคนละ 40 บาทสองคน 80 บาท "ลุง ๆ แล้วรถตู้ที่ไปอ.ฝางอยู่ตรงไหน" ผมถามด้วยความมั่นใจมาก "เดินออกไปตรงนี้นิดเดียวก็ถึงแล้ว ขึ้นรถๆ ผมไปส่งให้" ว่าแล้วเราสองคนก็ขึ้นรถลุงอีกครั้ง เอ้อ นิดเดียวจริง ๆ แต่ลุงก็ออกมาส่งเรา คุณภรรยาสอบถามลุงพร้อมกับขอนามบัตรไว้ ใครต้องการติดต่อตามนามบัตรเลยครับ ลุงอี๊ด ป้าคำ
 คิวรถตู้เป็นห้องเล็ก ๆชื่อบริษัท ยานยนต์นครเชียงใหม่ จำกัด ข้างรถตู้จะติดป้าย VIP ตัวใหญ่ ๆ
บริษัทติดถนนข้าง ๆ ขนส่งช้างเผือกเดินออกมาไม่ไกลเราเข้าไปสอบถามเวลา 10.00 น.คือคิวที่จะออกในรอบต่อไป เราต้องบอกพนักงานว่าจะไปลงหน้าวัดหาดสำราญ ซึ่งวัดนี้จะถึงก่อนปลายทางอ.ฝาง 16 กม. ค่าตั๋วคนละ 150 บาท สองคน 300 บาท หางตั๋วจะมีคูปองเข้าห้องน้ำ และคูปองแลกน้ำด้วย แต่เอ๊ะไปแลกตรงไหนแล้วค่อยเฉลยในช่วงต่อไป ตอนนี้เรายังพอมีเวลาว่าแล้วไปหาข้าวกินที่ข้าง ๆ ขนส่งช้างเผือกนั่นแหละมีร้านอยู่สองร้านใกล้ ๆ กับคิวรถตู้ร้านหนึ่งเป็นร้านอาหารอีสานพวกลาบ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว ฯลฯ อีกร้านหนึ่งเป็นอาหารตามสั่งเราเลือกกินร้านนี้ใกล้ ๆ กันก็มีจะมี 7-11 และร้านขายกาแฟเล็ก ๆ อีก
จุดสังเกตุเมื่อถึงขนส่งช้างเผือก
อาหารเช้าวันนี้ข้าวผัด

10.00 น รถตู้ออกจากเชียงใหม่มุ่งสู่อำเภอฝาง เส้นทางเส้นนี้ถ้าดูจาก map.google.com ก็ไม่คดเคี้ยวเท่าไหร่นี่หว่า แต่ไม่เป็นเช่นนั้น โค้งเยอะพอสมควรให้เวียนหัวได้(สำหรับคนแก่อย่างเรา) บางส่วนก็กำลังทำทางเหมือน ๆ บ้านเราไม่ใช่ปัญหา สภาพรถตู้มาตรฐานมากมีตารางบอกราคาด้วย มีเครื่องดับเพลิงเล็ก ๆ ติดไว้หลังคนขับ(ใช้งานได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ อิอิ) แต่ดูแล้วอุ่นใจระดับหนึ่ง รถขับก็ไม่เร็ว 70 กม / ชม. ลองขับเร็วซิ ตกเขาแน่ ๆ ถ้าเป็นบ้านเราหละ 160 กม./ชม(Fast เร็วกว่านรก) เกือบหนึ่งชั่วโมงเราก็เข้าสูงอำเภอเชียงดาว
11.30 น. แวะพักสถานีขนส่งอำเภอเชียงดาว จุดนี้จอดพักเพื่อให้พนักงานขับรถ ผู้โดยสารแวะเข้าห้องน้ำ ที่บอกไว้แต่แรกว่าตั๋วโดยสารที่นี่เขามีคูปองด้วย 1. คูปองเข้าห้องน้ำไม่ว่าท่านจะซื้อตั๋วแบบสองคนสามคนได้ตั๋วใบเดียว ก็ได้คูปองที่ติดมากับตั๋วแค่ชิ้นเดียว เพราะฉนั้นตั๋วนี้เข้าห้องน้ำได้คนเดียว ส่วนคนอื่นก็จ่ายค่าเข้า  3 บาท 2. คูปองแลกน้ำดื่มขวดขนาด 600 มล. คูปองนี้ก็แลกได้ 1 ขวดเช่นเดียวกัน(บ้านแราแวะพักเติมแกส ให้เข้าร้านซื้อเองไม่มีแจก)
13.00 น ถึงวัดหาดสำราญ สามชั่วโมงกับการเดินทางดูไม่ไกลเลย นั่งเพลิน ๆ ดูเทือกเขา ไหล่เขาไปเรื่อย ๆ  พนักงานขับรถลงรถมาเปิดประตูดูขนกระเป๋าให้ เราเดินเข้าวัดหาดสำราญ ก็มีพนักงานขับรถรับจ้าง(สีขาว)รีบเดินเข้ามาหาเราทันที ในจุดที่ลงมีน้องนักศึกษาอีก 6 คนลงมาจากรถบัสประจำทาง รถรับจ้างเสนอราคาให้กับน้อง ๆ กลุ่มนี้ในราคา 2200 บาท รับ-ส่งขึ้นลง พร้อมเที่ยวบนดอยอ่างขาง เช่น สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ไร่ชา2000 บ้านนอแล ฐานปฏิบัติการบ้านนอแล รวมม่อนสนจุดที่น้อง ๆ จะมาเช่าเต้นท์พัก ส่วนผมและภรรยาพนักงานขับรถคิดราคา 200 บาทต่อคนรวมเป็น 400 บาท เรายืนตกลงราคากลางลานจอดพอจะเดินขึ้นรถ ได้ยินรถสองแถวสีขาวใกล้ ๆ กันตกลงราคากับนักท่องเที่ยวที่เพิ่งจะมาถึงหลังเราในราคา 1200 บาท ส่งเที่ยว ขึ้น - ลง ในวันเดียวกัน(เราพลาดแล้ว 555) เราพยายามจะเดินไปที่คิวรถขึ้นดอยอ่างขาง ซึ่งเป็นตกแถวอยู่ใกล้ ๆ วัดหาดสำราญเพื่อที่จะสอบถามราคาเพิ่มเติม อ้าวทางนี้น้อง ๆ นักศึกษาตกลงราคาเรียบร้อยแล้ว ไอ้เราก็อยากขึ้นไปเร็ว ๆ ไปก็ไปว๊ะไม่ถามราคาแล้ว(อ่านจากพันธ์ทิพย์เขาบอกว่าถ้าไปรอที่คิวคนละ 100 บาท ขาเดียว แต่ตอนลงต้องตกลงกับคนขับรถให้ดีว่าจะมารับตอนไหนเวลาไหน ขาลงอีก 100 บาท)
ทางขึ้นดอยอ่างขาง ชัน คดเคี้ยว เส้นทางไม่ต่างจากภูทับเบิกเลย บางจุดเป็นโค้งแบบตัวยูและชันมากรถท้องถิ่นเมื่อถึงจุดนี้จะบีบแตรเหมือนจะถามว่ามีใครอยู่ด้านล่างไหมถ้ามีก็จะรอให้ขึ้นมาก่อน เพราะรถขาขึ้นจะใช้วงในการใต่ขึ้นกว้างกว่าขาลง พนักงานขับรถบอกว่ารถต่างถิ่น รถท่องเที่ยวมักจะไม่ให้ทางกันทำให้มีการชนกันบ่อยครั้ง โชคดีวันที่เราไปมีรถขึ้นดอยไม่มากตอนที่เราขึ้นไป
14.20 น. โดยประมาณ ถึงจุดชมวิวม่อนสน
 สูดอากาศให้เต็ม ๆ ที่จุดชมวิวม่อนสน
ถึงจะบ่ายแล้วอากาศเย็นสบาย

กองร้อยทหารม้าที่ 3


จุดนี้พนักงานขับรถพาลงไปติดต่อที่กางเต้นท์ แต่.................... อย่าเพิ่งตัดสินใจ ย้ำ อย่าเพิ่งตัดสินใจ เดินดูให้ทั่ว ๆ ก่อน จุดชมวิวม่อนสนจะมีที่กางเต้นท์แบ่งออกเป็นสองส่วน จากที่ผมมองดูส่วนหนึ่งเป็นของอุทยาน เต้นท์จะสีลายพราง(หรือของทหารหว่า) อีกส่วนหนึ่งจะเป็นเต้นท์สี ๆ จะเป็นของเอกชน ร้านค้า ที่ขายของอยู่อีกฝั่งถนนหนึ่ง
สีแบบนี้จะเป็นของอุทยาน
สีๆ แบบนี้เป็นของร้านค้า
ถ้าไม่ใช่ช่วงเทศกาลก็ใจเย็นหน่อยเดินชมให้ทั่วก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ ส่วนเต้นท์ของร้านค้าที่น้อง ๆ นักศึกษาเช่าเป็นเต้นท์ขนาดใหญ่นอนได้ 5 คน ราคา 500 บาท ราคานี้จะได้หมอนและผ้าห่มคนละชุด แต่อากาศระดับ 10 - 15 องศา ในช่วงหัวค่ำ และมีน้ำค้างเกาะเต้นท์ในยามเช้ามันจะพอไหม


วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2559

บทที่ 1.1 เช้าวันที่ 21 ธ.ค.59 สนามบินอู่ตะเภา

เตรียมเดินทางขึ้นเครื่องด้วยแอร์เอเชีย เรามาถึงสนามบินอู่ตะเภาเวลา 05.00น. เครื่องจะออกประมาณเวลา 06.20 น. สนามบินดูเงียบ ๆ เวลาตีห้าเรามานั่งได้ซักครู่ผู้คนก็เริ่มเดินทางเข้ามาทำให้บริเวณรอเช็คอินหายวังเวงไปเลย